ตัวอย่าง “เมล็ดฝันวันสิ้นโลก”

วันอาทิตย์ 21 กรกฎาคม 2024

สามปีมาแล้วเป็นอย่างน้อยที่พระเจ้าของพ่อไม่ได้เป็นพระเจ้าของฉันอีกต่อไป โบสถ์ของพ่อเลิกเป็นโบสถ์ของฉัน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เพราะฉันเป็นคนขี้ขลาด วันนี้ฉันก็เลยยอมเข้าไปในโบสถ์หลังนั้น ยอมให้พ่อประกอบพิธีศีลจุ่มให้ในพระนามท้ังสามของพระเจ้า ซึ่งไม่ใช่พระเจ้าของฉันอีกต่อไป

พระเจ้าของฉันมีช่ืออื่น

วันน้ีเราตื่นแต่เช้าเพราะต้องเดินทางตัดเมืองไปที่โบสถ์ วันอาทิตย์ส่วนใหญ่พ่อจะประกอบพิธีต่างๆที่ทำในโบสถ์ตรงห้องหน้าบ้านของเราแทน พ่อเป็นศาสนาจารย์คริสตจักรแบปติสต์ และถึงแม้คนที่อยู่ในกําแพงชุมชนของเราจะไม่ใช่แบปติสต์ท้ังหมด แต่คนที่รู้สึกว่าอยากไปโบสถ์ก็ยินดีที่จะมาหาเรา วิธีนี้ทําให้พวกเขาไม่ต้องเสี่ยงออกไปข้างนอกท่ีอะไรๆ ช่างอันตรายและบ้าคลั่ง แค่บางคนอย่างเช่นพ่อของฉันต้องออกไปทำงานข้างนอกอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งก็แย่พอแล้ว ไม่มีใครในหมู่พวกเราไปโรงเรียนกันอีกต่อไป ผู้ใหญ่วิตกกังวลจนไม่ยอมให้เด็กๆ ออกไปข้างนอก

แต่วันนี้เป็นวันพิเศษ สำหรับวันนี้พ่อเตรียมพิธีกับศาสนาจารย์อีกคน เขาเป็นเพื่อนของพ่อท่ียังคงมีโบสถ์จริงๆ และหอทำพิธีศีลจุ่มจริงๆ

พ่อเคยมีโบสถ์อยู่นอกกําแพงห่างไปแค่ไม่ก่ีช่วงตึก พ่อทํางานที่นั่นก่อนจะมีกําแพงมากมาย แต่หลังจากมีพวกคนไร้บ้านเข้าไปนอน ถูกปล้นและทําลายหลายครั้ง ก็มีคนเทน้ำมันในโบสถ์และรอบๆ แล้วเผา คนไร้บ้านเจ็ดคนที่นอนในโบสถ์ในคืนสุดท้ายนั้นถูกเผาไปกับโบสถ์ด้วย

แต่ด้วยวิธีไหนก็ตาม ท่านสาธุคุณโรบินสันเพื่อนของพ่อรักษาโบสถ์ไว้ไม่ให้ถูกทำลายได้ เข้าวันนี้เราขี่จักรยานไปที่นั่น มีฉัน น้องชายของฉันสองคน เด็กๆอีกสี่คนในชุมชนที่พร้อมจะเข้าพิธีศีลจุ่มได้แล้ว พ่อ กับผู้ใหญ่ในชุมชนอีกหลายคนท่ีพกปืนสั้น ผู้ใหญ่ทุกคนมีอาวุธ นี่เป็นกฎ ต้องออกไปข้างนอกเป็นกลุ่มและพกอาวุธ

มีทางเลือกคือทําพิธีศีลจุ่มในอ่างอาบน้ําท่ีบ้าน แบบนั้นจะถูกกว่า ปลอดภัยกว่า และฉันก็ไม่ว่าอะไรด้วย ฉันเสนอแล้วแต่ไม่มีใครสนใจ สำหรับพวกผู้ใหญ่แล้ว การออกไปที่โบสถ์จริงๆเป็นเหมือนการก้าวถอยกลับไปสู่คืนวันเก่าๆ อันแสนสุข ตอนที่ยังมีโบสถ์อยู่ทั่วไป มีแสงไฟสว่างจนเกินพอ และน้ำมันนั้นมีไว้ใช้เติมรถยนต์กับรถบรรทุก ไม่ใช่ใช้เผาสิ่งต่างๆ พวกเขาไม่เคยพลาดโอกาสท่ีจะได้หวนคิดถึงวันคืนเก่าๆ หรือเล่าให้เด็กๆ ฟังว่าจะยอดเยี่ยมแค่ไหนถ้าประเทศชาติกลับไปเป็นปกติและช่วงเวลาดีๆ กลับคืนมา

ใช่สิ

สำหรับเด็กๆ อย่างพวกเรา ส่วนใหญ่แล้วการเดินทางคร้ังนี้เป็นแค่การผจญภัย เป็นข้ออ้างเพื่อจะออกไปนอกกําแพง เราจะทําพิธีศีลจุ่มเพราะเป็นหน้าที่หรือเป็นการรับรองอย่างหนึ่ง แต่พวกเราส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจศาสนามากขนาดนั้น ฉันสนใจนะ แต่ฉันมีศาสนาอื่น

“ทําไมถึงต้องเสี่ยงน่ะหรือ” ซิลเวีย ดันน์ พูดกับฉันสามสี่วันก่อน “เพราะเรื่องศาสนานี่อาจจะมีอะไรสําคัญก็ได้ไงล่ะ” พ่อแม่ของเธอคิดว่ามี เธอก็เลยไปกับเราด้วย

คีธน้องชายของฉันท่ีไปกับเราด้วยไม่ได้เชื่ออะไรแบบฉัน เขาไม่ได้สนใจ พ่ออยากให้เขาทําพิธีศีลจุ่ม เขาก็แค่ทําก็ทําสิ คีธไม่สนใจอะไรมากนักหรอก เขาชอบจับกลุ่มอยู่กับเพื่อนๆ และทําเหมือนว่าโตแล้ว หนีงาน หนีเรียน และหนีการไปโบสถ์ เขาอายุแค่สิบสอง เป็นพี่คนโตของน้องชายอีกสามคนของฉัน ฉันไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่ แต่เขาเป็นลูกคนโปรดของแม่เลี้ยงฉัน ลูกชายฉลาดสามคนกับโง่เง่าหน่ึงคน และคนโง่นั่นแหละท่ีเธอรักมากท่ีสุด

ขณะที่เราขี่จักรยานออกไป คีธมองไปรอบๆ มากกว่าคนอื่น เขาอยากออกจากชุมชนและเดินทางไปลอสแอนเจลิส จะเรียกว่าเป็นความปรารถนาอันแรงกล้าก็ได้ เขาไม่เคยรู้แน่ชัดหรอกว่าจะไปทําาอะไรที่นั่น แค่อยากไปเมืองใหญ่เพื่อจะหาเงินให้ได้มากๆ พ่อบอกว่าเมืองใหญ่ก็คือซากสัตว์ที่เต็มไปด้วยหนอนแมลงวัน ฉันว่าพ่อพูดถูก แต่หนอนแมลงวันไม่ได้มีแต่ในแอลเอหรอก ที่นี่ก็มี

แต่หนอนแมลงวันดูจะไม่ใช่พวกตื่นเช้า เราขี่จักรยานผ่านผู้คนที่นอนแผ่อยู่บนทางเท้า บางคนเพิ่งตื่นแต่ไม่ได้สนใจเรา ฉันเห็นอย่างน้อยสามคนท่ีจะไม่มีวันตื่นข้ึนมาอีกแล้ว หน่ึงในน้ันไม่มีหัว ฉันรู้สึกว่าตัวเองมองไปรอบๆ เพื่อหาหัว แล้วหลังจากน้ันก็พยายามไม่มองไปรอบตัวอีกเลย

ผู้หญิงคนหนึ่ง ยังสาว เปลือยเปล่า และสกปรก โซซัดโซเซผ่านเราไป ฉันเห็นท่าทางเฉยเมยของเธอแล้วก็รู้ว่า เธอคงมึนงงหรือเมา หรืออะไรสักอย่าง

เธออาจจะถูกข่มขืนอย่างหนักจนเสียสติก็ได้ ฉันเคยได้ยินว่ามีเรื่องทำนองนั้นเกิดขึ้น หรือเธออาจจะแค่เสพยามากเกินไป พวกเด็กผู้ชายในกลุ่มเราจ้องมองเธอจนเกือบตกจักรยาน จะมีพระธรรมคําสอนอะไรอยู่ในหัวพวกเขาตอนน้ันนะ

ผู้หญิงเปลือยไม่มองมาที่เราเลย ฉันหันไปมองหลังจากเราผ่านมา แล้วก็เห็นเธอนั่งลงตรงกอวัชพืชข้างกำแพงชุมชนของคนอื่น

การเดินทางของเราส่วนใหญ่จะเป็นการขี่จักรยานเลียบไปตามกําแพงชุมชนแต่ละแห่งต่อเนื่องกันไป บางแห่งยาวหน่ึงช่วงตึก บางแห่งสองช่วงตึกบางแห่งห้าช่วงตึก….ข้ึนไปบนเนินเขาซึ่งจะมีพวกคฤหาสน์พร้อมที่ดินล้อมรอบด้วยกำแพง หรือก็คือมีบ้านหลังใหญ่หนึ่งหลังกับกระท่อมเล็กๆ จำนวนมากที่พวกคนใช้อยู่ วันน้ีเราไม่ได้ผ่านแถวน้ัน ความจริงแล้วเราผ่านชุมชนสองสามแห่งที่ยากจนมากเสียจนกำแพงของพวกเขาสร้างจากหินที่ไม่ได้ฉาบปูน เศษคอนกรีตและขยะ จากนั้นก็เป็นที่อยู่อาศัยน่าเวทนาที่ไม่มีกําแพง บ้านจํานวนมากกลายเป็นที่ทิ้งขยะ ถูกทําลาย มีคนเมาหรือติดยาเข้าไปอาศัย หรือไม่ก็ถูกยึดครองโดยครอบครัวไร้บ้านที่มีเด็กๆ สกปรก ผอมแห้ง และแทบไม่ได้ใส่เสื้อผ้า เช้าวันนี้ลูกๆ ของพวกเขาตื่นเต็มที่แล้วและกำลังมองดูเรา ฉันรู้สึกเศร้าใจกับเด็กเล็กๆ แต่พวกที่อายุเท่าๆ ฉันหรือแก่กว่าทำให้ฉันนึกหวาด เราขี่จักรยานไปกลางถนนแตกร้าว พวกเด็กๆ ออกมายืนตามขอบถนนเพื่อมองดูเรา พวกเขาแค่ยืน และจ้องมอง ฉันคิดว่าถ้าเรามีแค่คนเดียวหรือสองคน หรือถ้าพวกเขาไม่เห็นว่าเรามีปืน พวกเขาอาจจะพยายามดึงเราลงไปและขโมยจักรยาน เสื้อผ้า รองเท้า หรืออะไรก็ได้ แล้วจากนั้นจะเป็นยังไง ข่มขืนหรือ ฆาตกรรมหรือ เราอาจจะลงเอยเหมือนผู้หญิงเปลือยคนนั้นก็ได้ เดินโซซัดโซเซไปเรื่อย มึนงง อาจจะบาดเจ็บ และต้องดึงดูดอันตรายเข้ามาหาแน่นอน เว้นเสียแต่ว่าเธอจะขโมยเสื้อผ้ามาได้ ฉันนึกอยากให้เราสามารถให้อะไรเธอได้บ้าง

แม่เลี้ยงฉันบอกว่า ครั้งหนึ่งเธอกับพ่อเคยหยุดให้ความช่วยเหลือผู้หญิงบาดเจ็บ แล้วพวกคนที่ทําร้ายเธอก็โผล่พรวดออกมาจากหลังกําแพงและเกือบจะฆ่าพ่อกับแม่เลี้ยงของฉัน

เราอยู่ในโรเบลโด ห่างจากจากลอสแอนเจลิส 20 ไมล์ ตามท่ีพ่อบอกนั้น ครั้งหนึ่งโรเบลโดเคยเป็นเมืองเล็กๆ ร่ำรวย เขียวชอุ่ม ไม่มีกําแพง ตอนเป็นหนุ่มพ่ออยากทิ้งเมืองน้ีไป ก็เหมือนคีธนั่นแหละ พ่ออยากหนีความน่าเบื่อ ของโรเบลโดไปหาความตื่นเต้นของเมืองใหญ่ ตอนนั้นแอลเอดีกว่านี้ น่ากลัว น้อยกว่า พ่อไปอยู่ที่นั่น 21 ปี จากน้ันในปี 2010 พ่อแม่ของพ่อถูกฆ่า และพ่อก็กลับมารับมรดกบ้าน คนท่ีฆ่าปู่กับย่าปล้นและทําลายเฟอร์นิเจอร์ แต่ไม่ได้วางเพลิงเผาอะไร ตอนนั้นยังไม่มีกําแพงชุมชน

การอาศัยอยู่โดยไม่มีกําแพงป้องกันเป็นเรื่องบ้ามาก แม้แต่ในโรเบลโด คนยากจนตามถนนเป็นพวกบุกรุก ขี้เมา ติดยา ไร้บ้าน ส่วนใหญ่อันตราย พวกเขาจนตรอกเต็มทีหรือไม่ก็บ้าคลั่ง หรืออาจจะทั้งสองอย่าง นั่นก็พอแล้วที่จะทําให้ใครก็ตามเป็นคนอันตราย

สําหรับฉัน ที่แย่กว่านั้นก็คือพวกเขามักจะมีอะไรผิดปกติไป ท้ังตัดหู ตัดแขน ตัดขากันเอง เป็นโรคและมีบาดแผลเน่าเปื่อยที่ไม่ได้รักษา ไม่มีเงินซื้อน้ำมาใช้ซักล้าง เพราะฉะน้ันแม้แต่คนท่ีไม่ได้บาดเจ็บก็มีรอยผื่นบวมแดง พวกเขามีอาหารไม่พอกิน ทำให้ขาดอาหาร หรือไม่ก็กินอาหารบูดเสียจนทำให้เป็นพิษกับตัวเอง ขณะที่ขี่จักรยานไปฉันพยายามไม่มอง แต่ก็อดเห็นไม่ได้ ฉันเห็น–และรับ–ความทุกข์ยากโดยรวมๆ บางส่วนของพวกเขามา

ฉันสามารถทนรับความเจ็บปวดได้มากโดยที่ยังไม่ถึงกับเป็นอะไร ฉัน เรียนรู้ที่จะทําอย่างนั้น แต่วันนี้ช่างยากลําบากมากที่ต้องเดินทางและตามให้ทันกลุ่ม เมื่อเกือบทุกคนที่ฉันเห็นทําให้รู้สึกแย่ลงเรื่อยๆ

พ่อหันกลับมามองฉันเป็นระยะๆ พ่อบอกเสมอว่า “ลูกเอาชนะส่ิงนี้ได้ ลูกไม่จําเป็นต้องยอมแพ้” พ่อมักจะแกล้งทําเป็นว่าหรือเช่ือว่าอาการไฮเปอร์เอ็มพาธี2 ของฉันเป็นสิ่งที่สามารถสลัดออกไปและลืมได้ ยังไงเสียความรู้สึกร่วมก็ไม่ใช่เรื่องจริง ไม่ใช่เวทมนตร์หรือพลังจิตบางอย่างที่ทําให้ฉันสามารถร่วมรับรู้ทุกข์สุขของคนอื่น แต่เป็นเพียงอุปาทาน ฉันเองก็ยอมรับเรื่องนั้น คีธเคยแกล้งทำเป็นบาดเจ็บเพื่อหลอกให้ฉันรู้สึกถึงความเจ็บปวดสมมติของเขาด้วย ครั้งหนึ่งเขาเคยใช้หมึกสีแดงทำเป็นเลือดปลอมเพื่อให้ฉันเลือดไหล ตอนนั้นฉันอายุสิบเอ็ดขวบ และยังคงมีเลือดไหลออกจากผิวหนังเวลาเห็นคนอื่นเลือดไหล ฉันทำอะไรไม่ได้ที่เป็นแบบนั้น และมักกังวลว่าจะทำให้คนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในครอบครัวรู้เรื่องนี้

( 2 hyperempathy syndrome โดยท่ัวไปหมายถึงอาการที่มีอารมณ์ความรู้สึกร่วมกับผู้อื่น มากจนผิดปกติ เช่น คนอื่นไม่สบายใจก็พลอยไม่สบายใจไปด้วย มากจนเหมือนตนเองเป็นคนประสบสถานการณ์นั้นๆ เอง ในเรื่องนี้อาการของตัวเอกยังรวมถึงการร่วมเจ็บปวดทางกายด้วย )

ฉันไม่ได้เลือดไหลร่วมกับคนอื่นอีกเลยตั้งแต่อายุสิบสองและมีประจำเดือนคร้ังแรก โล่งอกมาก ฉันได้แต่หวังว่าอาการที่เหลือทั้งหมดจะหายไปด้วย คีธหลอกฉันให้เลือดไหลแค่คร้ังน้ันครั้งเดียว และฉันก็ตีเขาเสียหนักทีเดียว ตอนยังเล็กฉันไม่ได้ทะเลาะต่อสู้มากนัก เพราะมันจะทําให้ฉันต้องพลอยเจ็บไปด้วย ฉันรู้สึกด้วยทุกครั้งที่ทุบตีคนอื่น ดังนั้นเวลาที่ฉันตัดสินใจว่าต้องต่อสู้ ฉันจะทําร้ายเด็กคนอื่นมากกว่าที่พวกเขาทุบตีกันเองตามปกติ ฉันทําไมเคิล ทัลคอตต์แขนหัก และทํารูบิน ควินทานิลลาจมูกหัก ทําซิลเวีย ดันน์ฟันหักสี่ซี่ พวกเขาสมควรโดนมากกว่าน้ันสองหรือสามเท่าด้วยซ้ำ ฉันถูกทำโทษทุกครั้ง และฉันก็ไม่พอใจ เพราะมันเหมือนถูกลงโทษซ้ำ พ่อกับแม่เลี้ยงฉันก็รู้ ฉันก็รู้ แต่ถึงรู้ก็ไม่ทําให้พวกเขาหยุดหรอก ฉันคิดว่าพวกเขาทำเพื่อให้พ่อแม่ของเด็กอีกฝ่ายพอใจ แต่ตอนที่ฉันตีคีธ ฉันรู้อยู่แล้วว่าโครี่หรือพ่อหรือทั้งสองคนจะต้องลงโทษฉัน เพราะนั่นเป็นน้องชายที่น่าสงสารของฉันเอง ฉันก็เลยต้องให้น้องน้อยท่ีน่าสงสารของฉันชดใช้ล่วงหน้า สิ่งที่ฉันทํากับเขาจะต้องคุ้มกับที่พ่อและแม่เลี้ยงจะทํากับฉัน

ซึ่งก็คุ้มจริงๆ

หลังจากนั้นเราโดนพ่อทําโทษทั้งคู่ ของฉันเพราะทําร้ายเด็กท่ีเล็กกว่า ส่วนคีธเพราะเสี่ยงทำให้ “เรื่องในครอบครัว” รั่วไหลออกไปข้างนอก พ่อถือเรื่องความเป็นส่วนตัวและ “เรื่องในครอบครัว” อย่างย่ิง มีหลายเรื่องมากท่ีเราไม่เคยแพร่งพรายให้คนภายนอกรู้เลย เรื่องสำคัญที่สุดคืออะไรก็ตามที่เก่ียวกับแม่ของฉัน อาการไฮเปอร์เอ็มพาธีของฉัน และท้ังสองอย่างน้ีเช่ือมโยงกันอย่างไร สําหรับพ่อแล้วเรื่องทั้งหมดนั้นมันน่าอาย พ่อเป็นนักเทศน์ เป็นศาสตราจารย์ และคณบดี แต่การท่ีภรรยาคนแรกติดยาและลูกสาวผิดปกติเพราะยาเสพติด ไม่ใช่สิ่งที่พ่ออยากคุยอวด ถือเป็นโชคดีของฉัน การเป็นคนอ่อนไหวท่ีสุดเท่าที่ฉันเคยรู้จักไม่ใช่ส่ิงที่ฉันอยากคุยอวดแน่นอน

ฉันไม่สามารถทําอะไรได้เรื่องอาการไฮเปอร์เอ็มพาธี ไม่ว่าพ่อจะคิดหรืออยากหรือหวังอะไร ฉันรู้สึกในส่ิงท่ีฉันเห็นคนอื่นรู้สึกหรือเชื่อว่าคนอื่นรู้สึก ไฮเปอร์เอ็มพาธีคือสิ่งที่หมอเรียกว่า “กลุ่มอาการหลงผิด” ให้ตายเถอะ ทั้งหมดที่ฉันรู้ก็คือมันเจ็บ ต้องขอบคุณพาราเซ็ตโค ยาเม็ดเล็กๆ ผงไอน์สไตน์นั่น ยาที่แม่เลือกใช้อย่างผิดๆ ก่อนที่การเกิดของฉันจะทําให้แม่ตาย ฉันเป็นคนบ้า เจ็บปวดทุกข์ทนกับความทุกข์ความเจ็บท่ีไม่ใช่ของฉัน แถมบางอย่างยังไม่ใช่ความเจ็บจริงๆ แต่ฉันก็เจ็บอยู่ดี

ฉันควรจะร่วมรู้สึกทั้งความสุขและความเจ็บปวด แต่ทุกวันนี้ไม่มีความสุขมากนัก ความสุขเดียวที่ฉันพบและเพลิดเพลินกับการร่วมรู้สึกด้วยคือเซ็กซ์ ฉันได้รับทั้งความรู้สึกดีของฝ่ายชายและของตัวเอง ฉันแทบจะไม่อยากรู้สึกอย่างนั้นหรอก ก็ฉันอยู่ในชุมชนเล็กๆ คับแคบ มีกำแพงล้อมรอบ แถมยังเป็นลูกสาวของนักเทศน์ เรื่องเซ็กซ์ของฉันมันมีขีดจำกัดเต็มที

ยังไงก็ตาม สารสื่อประสาทของฉันมันเละเทะไปหมด และจะเละเทะอยู่อย่างน้ัน แต่ฉันก็รับมือกับมันได้ดีตราบเท่าที่คนอื่นไม่รู้เรื่องน้ี ภายในกําแพงชุมชนของเราน้ันฉันสบายดี แต่การเดินทางของเราวันนี้เหมือนนรก ความเจ็บแปลบเหมือนถูกบิดถูกแทงโดยไม่ได้ตั้งตัว เหมือนเงาเหมือนภูตผีที่ผ่านเข้ามาและผ่านเลยไปไม่หยุด ท้ังหมดเป็นส่ิงเลวร้ายท่ีสุดเท่าที่ฉันเคยรู้สึกมา

ถ้าฉันไม่มองดูแผลเก่าๆ พวกนั้นนานเกินไปก็จะไม่เจ็บมากนัก มีเด็กชายตัวเล็กๆ เปลือยเปล่าคนหนึ่งท่ีมีแผลสีแดงขนาดใหญ่หลายแห่ง ผู้ชายที่มีแผลตกสะเก็ดขนาดใหญ่ตรงปลายแขนเหนือบริเวณท่ีเคยเป็นมือขวาของเขา เด็กผู้หญิงตัวเล็กเปลือยเปล่า อายุสักเจ็ดขวบ มีเลือดไหลจากต้นขาท้ังสองข้าง ผู้หญิงที่ใบหน้าบวมและเต็มไปด้วยเลือดเพราะถูกตี…

ฉันคงดูเหมือนคนหวาดผวา มองไปรอบตัวเหมือนนกโดยไม่ยอมจ้องมองใครนานเกินไป แค่พอให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้เข้ามาหาหรือเล็งอะไรมาที่ฉันก็พอ

พ่อคงอ่านท่าทางออกว่าฉันรู้สึกอย่างไร ฉันพยายามไม่ให้สีหน้าแสดงอะไรออกไป แต่พ่ออ่านฉันได้เก่ง บางคร้ังคนอื่นๆ จะบอกว่าฉันดูเคร่งขรึมหรือโกรธ ปล่อยให้พวกเขาคิดอย่างนั้นดีกว่ารู้ความจริง ปล่อยให้พวกเขาคิดอะไรก็ได้ดีกว่ารู้ว่าทําให้ฉันเจ็บปวดได้ง่ายแค่ไหน

พ่อยืนกรานให้ใช้น้ําจืด สะอาด และดื่มได้สําหรับพิธีศีลจุ่ม แต่พ่อไม่มีเงินพอ แน่นอน ใครจะมีล่ะ ก็เลยเป็นอีกเหตุผลท่ีทําให้มีเด็กเพิ่มอีกสี่คน ซิลเวีย ดันน์, เฮ็กเตอร์ ควินทานิลลา, เคอร์ติส ทัลคอตต์ และดรูว์ บัลเตอร์ รวมกับคีธและมาร์คัส น้องชายฉัน พ่อแม่ของเด็กอีกสี่คนช่วยออกทุนให้ด้วย พวกเขาคิดว่าการทำพิธีศีลจุ่มอย่างถูกต้องตามแบบแผนเป็นสิ่งสำคัญพอสำหรับความเสี่ยงและการใช้จ่ายเงินจํานวนหนึ่ง ฉันอายุมากที่สุด มากกว่าเคอร์ติสซึ่งเป็นคนถัดไปประมาณสองเดือน ฉันเกลียดที่ต้องไปที่นั่น และยิ่งเกลียดมากขึ้นที่เคอร์ติสก็ไปด้วย ฉันกังวลเรื่องเขามาก วิตกว่าเขาจะคิดยังไงเก่ียวกับฉัน กลัวว่าสักวันหน่ึงเขาจะเห็นฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ในท่ีสาธารณะ แต่ไม่ใช่วันน้ี

พอเราไปถึงโบสถ์ที่เป็นป้อมปราการด้วย ฉันก็ปวดกล้ามเนื้อท่ีกรามไปหมด เพราะขบกรามแล้วคลายออกตลอดทาง และเหนืออื่นใดฉันหมดแรง

มีคนราวๆ ห้าสิบถึงหกสิบคนเท่านั้นในพิธี พอที่จะทําให้ห้องด้านหน้าของบ้านเราเต็มและดูเหมือนมีฝูงชนขนาดใหญ่ แต่ที่โบสถ์นี่ ด้วยกําแพงที่ล้อมรอบ ลูกกรงและลวดเลเซอร์ ความว่างเปล่าใหญ่โตข้างใน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพกอาวุธ ฝูงชนน้ันกลับกลายเป็นดูเหมือนกลุ่มคนเล็กน้อยกระจัดกระจาย แต่ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากเจอกลุ่มคนร่วมพิธีมากมายที่อาจจะทําให้ฉันเจ็บขึ้นมาโดยไม่ทันต้ังตัว

พิธีศีลจุ่มเป็นไปด้วยดีตามแผน พวกเราเด็กๆ ถูกส่งไปที่ห้องน้ำ (“ชาย” “หญิง” “กรุณาอย่าทิ้งกระดาษทุกชนิดลงในโถส้วม” “น้ำสําหรับล้างอยู่ในถังด้านซ้าย…”) เพื่อถอดเสื้อผ้าและสวมเสื้อคลุมสีขาว พอเราพร้อม พ่อของเคอร์ติสก็พาเราไปที่ห้องเล็กๆ ที่เราสามารถได้ยินคําเทศนา ตั้งแต่บทแรกของพระธรรมยอห์น และบทที่สองของพระธรรมกิจการ และรอจนกว่าจะถึงตาของเรา

ฉันเป็นลําดับสุดท้าย คงเป็นความคิดของพ่อแน่เลย เร่ิมจากเด็กๆ ในชุมชน จากนั้นก็น้องชายของฉัน แล้วก็ฉัน พ่อเห็นว่าฉันต้องนอบน้อมมากกว่าคนอื่น ฉันว่าความนอบน้อมทางร่างกายของฉัน หรือเรียกว่าเป็นความน่าอับอายน้ันยิ่งกว่าพอเสียอีก

อะไรกัน ต้องมีใครสักคนเป็นคนสุดท้ายอยู่แล้ว ฉันแค่หวังว่าจะกล้าหาญพอที่จะข้ามผ่านทั้งหมดน้ีไปได้

ดังนั้น “ในนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์…” คนท่ีนับถือนิกายคาทอลิกจะผ่านพิธีนี้ตั้งแต่พวกเขายังเป็นทารก ฉันอยากให้พวกแบปติสต์ทําอย่างนั้นบ้าง อยากให้ตัวเองเชื่อว่านี่เป็นเรื่องสําาคัญ เหมือนท่ีคนมากมายดูจะเชื่ออย่างนั้น แบบที่พ่อของฉันเช่ือ แต่เมื่อทําไม่ได้ ฉันก็หวังว่าตัวเองจะไม่สนใจ

แต่ฉันสน พักน้ีฉันคิดเรื่องพระเจ้ามากขึ้น ฉันสนใจมาตลอดว่าคนอื่นๆ เชื่ออะไร พวกเขาเชื่อหรือเปล่า และถ้าเชื่อ พวกเขาเช่ือในพระเจ้าแบบไหน คีธบอกว่าพระเจ้าเป็นแค่วิธีที่ผู้ใหญ่พยายามจะขู่ให้เราทําสิ่งท่ีพวกเขาต้องการ คีธจะไม่พูดแบบนั้นเวลาที่พ่ออยู่ด้วย แต่เขาก็พูดอย่างนั้นจริงๆ เขาเชื่อเฉพาะสิ่งที่เห็น แต่ไม่ว่าจะมีอะไรอยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่เห็นมันมากนักหรอก ฉันว่าพ่อคงพูดถึงฉันแบบนั้นเหมือนกันถ้ารู้ว่าฉันเชื่ออย่างไร บางทีพ่ออาจจะถูก แต่ก็ไม่ทําให้ฉันเลิกเห็นสิ่งที่ฉันเห็นหรอก

ดูเหมือนคนมากมายจะเชื่อว่าพระเจ้าเป็นเหมือนพ่อ เป็นตํารวจ หรือ เป็นพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ เชื่อว่าเป็นยอดคนอย่างหนึ่ง บางคนเชื่อว่าพระเจ้าก็คือธรรมชาติ และธรรมชาติจะหมายถึงอะไรก็ตามที่พวกเขาไม่เข้าใจหรือรู้สึกว่าตกอยู่ใต้อํานาจของสิ่งเหล่านั้น

บางคนบอกว่าพระเจ้าคือจิตวิญญาณ พลังอํานาจ คือความเป็นจริงสูงสุด ลองถามคนเจ็ดคนว่าทั้งหมดนั้นหมายความว่าอะไร ก็จะได้คําตอบต่างกันเจ็ดแบบ ถ้าอย่างนั้นพระเจ้าคืออะไร เป็นแค่อีกชื่อหนึ่งของอะไรก็ตามที่ทําให้เรารู้สึกพิเศษและได้รับการปกป้องหรือ

มีพายุต้นฤดูลูกใหญ่ก่อตัวขึ้นในอ่าวเม็กซิโกและพัดโหมไปทั่วอ่าว ฆ่าคนจากฟลอริดาถึงเท็กซัสและลงไปยังเม็กซิโก จนถึงตอนนี้ เท่าที่รู้มีคนตายไปกว่า 700 คนแล้ว พายุเฮอร์ริเคนลูกเดียวทำร้ายคนไปเท่าไหร่ และหลังจากนั้นมีกี่คนที่จะต้องอดอยากเพราะพืชผลถูกทําลาย นั่นคือธรรมชาติ แล้วคือพระเจ้าหรือเปล่า คนตายส่วนใหญ่เป็นคนยากจนตามถนนไม่มีที่ไป พวกเขาไม่ได้ยินคําเตือนจนกระทั่งสายเกินกว่าท่ีเท้าจะพาไปหาท่ีปลอดภัยได้ ว่าแต่ที่ปลอดภัยของพวกเขาคือที่ไหนล่ะ ความยากจนเป็นบาปต่อพระเจ้าหรือ เราเองก็เกือบเรียกได้ว่ายากจน ในหมู่พวกเรามีงานทําน้อยลงเรื่อยๆ แต่กําลังจะมีคนเกิดมากขึ้นอีก จะมีเด็กมากขึ้นที่เติบโตโดยไม่มีอะไรให้หวัง วันหนึ่งเราทุกคนก็จะกลายเป็นคนยากจนด้วยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง พวกผู้ใหญ่บอกว่าอะไรๆ จะดีข้ึน แตไม่เคยมีอะไรดีขึ้นเลย พระเจ้าของพ่อจะทำกับเราอย่างไรตอนที่เรายากจนลง

พระเจ้ามีจริงหรือเปล่า ถ้ามี เขา (หรือเธอ หรือมัน) สนใจเราหรือเปล่า พวกดีอิสต์3 อย่างเบนจามิน แฟรงกลิน หรือทอมัส เจฟเฟอร์สัน เชื่อว่าพระเจ้าคือผู้ที่สร้างเราขึ้นมา จากน้ันก็ทิ้งให้เราอยู่กันเอง

[Deist ผู้ที่เชื่อว่าพระเจ้าสร้างโลก แต่ไม่สนใจสิ่งที่สร้างขึ้นมา]

“เข้าใจผิด” พ่อพูดเมื่อฉันถามเรื่องพวกดีอิสต์ “พวกเขาควรจะมีศรัทธา ในสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอก”

ฉันสงสัยว่าผู้คนตามชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกยังคงมีศรัทธาอยู่หรือเปล่า ผู้คนเคยมีศรัทธาท่ามกลางหายนะน่ากลัวมาก่อน ฉันเคยอ่านเก่ียวกับเรื่องพวกนั้นมามาก มากจริงๆ ส่วนที่ฉันชอบที่สุดในคัมภีร์ไบเบิลคือพระธรรมโยบ 4 เพราะฉันคิดว่าส่วนน้ันบอกเล่าถึงพระเจ้าแบบของพ่อ และแบบที่เชื่อกันท่ัวๆ ไปมากกว่าอะไรอื่นท่ีฉันเคยอ่าน

[4 โยบเป็นชายร่ำรวยและศรัทธาในพระเจ้า ต่อมาซาตานท้าทายพระเจ้าว่าที่โยบศรัทธาก็เพราะเขามีพร้อม ถ้าเขาสูญเสียทุกอย่างย่อมไม่ศรัทธาอีกต่อไป โยบจึงถูกทดสอบให้สูญเสียทรัพย์สิน ครอบครัว และสุขภาพ แต่เขายังคงไม่ละศรัทธา สุดท้ายพระเจ้าจึงทําให้โยบกลับมามีพร้อมอีกครั้ง]

ในพระธรรมโยบ พระเจ้าบอกว่าพระองค์สร้างทุกอย่างและรู้ทุกอย่าง เพราะฉะนั้นทุกคนไม่มีสิทธิ์สงสัยไม่ว่าพระองค์จะทําอะไรกับสิ่งสร้างเหล่านั้น เอาละ นั่นได้ผล พระเจ้าในคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมนั้นไม่ได้ขัดแย้งอะไรกับวิถีที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่พระเจ้าองค์นั้นก็ดูเหมือนเทพเจ้าอย่างซูสมาก เป็นชายผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ที่เล่นกับของเล่นของเขาเหมือนน้องชายคนเล็กของฉันเล่นตุ๊กตาทหาร ปัง ปัง! ตุ๊กตาเจ็ดตัวล้มลงไปตาย ถ้าตุ๊กตาเป็นของเรา เราก็เป็นคนต้ังกฎ ใครจะสนใจว่าตุ๊กตาคิดยังไง กวาดครอบครัวของตุ๊กตาตัวหน่ึงออกไปแล้วก็เอาครอบครัวใหม่ให้ ตุ๊กตาเด็กๆ นั้นสับเปลี่ยนแทนที่กันได้เหมือนลูกของโยบ

บางทีพระเจ้าอาจจะคล้ายๆ กับเด็กตัวใหญ่ท่ีกําลังเล่นตุ๊กตา ถ้าเป็นอย่างนั้น จะต่างอะไรกัน ถ้าคน 700 คนตายเพราะพายุเฮอร์ริเคน หรือเด็กเจ็ดคนไปโบสถ์แล้วถูกจุ่มลงไปในถังใบใหญ่ที่ใส่น้ำราคาแพง

แต่ถ้าทั้งหมดนั้นผิดล่ะ ถ้าพระเจ้าคืออย่างอื่นที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิงล่ะ